จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | พระมีกล่อง |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
กรณีลูกค้าสั่งซื้อ ทางไลน์ ที่อยู่จัดส่งของลูกค้าต้องพิมพ์มานะครับ ถ้าหากลูกค้า ส่งที่อยู่ เป็นไฟล์รูปภาพมาให้ เราไม่รับออเดอร์ คำสั่งซื้อ รายการนั้น และเราจะโอนเงินคืน โดยถือว่าไม่มีนิติกรรมสัญญา ผูกพันตามกฎหมาย เกิดขึ้น ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบโดยทั่วกัน
พระรายการไหน ที่เเจ้งว่า ให้เช่าบูชาไปแล้ว เเละราคาปรับเป็นเลข 0 ไม่ต้องโอนเงินเข้ามานะครับ หากท่านโอนเงินเข้ามา มีค่าเสียเวลาในการโอนเงิน คืนท่าน ครั้งละ 50 บาท และหากท่านโอนเงินเข้ามา 50 บาท พอดี เราไม่โอนเงินคืนท่าน หากท่านต้องการให้เราโอนเงินคืนท่าน ท่านต้องโอนเงิน ค่าเสียเวลา ชำระเข้ามา 50 บาท ก่อน เราจึงจะดำเนินการโอนคืนเงินให้ท่าน ในกรณีท่านจะใช้สิทธิเรียกร้องในฐานลาภมิควรได้ ให้ศาลแขวงพิษณุโลก อยู่ในเขตอำนาจ
ขอให้ทุกท่าน เข้าใจตามนี้ ครับ
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
รหัสสินค้า พระมีกล่อง 1345 พระผงรูปเหมือนท่านเจ้าคุณนร ที่ระลึก 119 ปี โรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพ พระบรรจุกล่องละ 2 องค์ สีออกโทนสีเขียวอ่อน 1 องค์ และสีออกขาว 1 องค์ พระสวยระดับประกวดทุกองค์ รับประกันแท้ 100 % พระมีขนาดกว้าง 2.47 cm ความสูง 3.65 cm ขอใช้ภาพแทนนะครับ เนื่องจากพระมีหลายองค์ถ่ายรูป ทีเดียวครับ ท่านใดเช่าบูชาก่อน เราจะส่งพระที่สวยที่สุด ไปให้ก่อนครับ ท่านเจ้าคุณนรฯ เมื่ออยู่ในเพศบรรพชิตก็อยู่อย่างมักน้อยสันโดษ ในกุฏิจะว่างเปล่ามีเพียงโลงศพเก่าๆ อยู่ 1 โลง และโครงกระดูกคนตายแขวนไว้เพื่อใช้ประกอบการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ในกุฏิ เมื่อมีคนไปไต่ถาม ท่านก็อธิบายว่า ประวัติท่านเจ้าคุณนร ท่านเจ้าคุณนรฯ ชื่อเดิมคือ นายตรึก จินตยานนท์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2440 ที่บ้านหลังวัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพฯ บิดาชื่อ พระยานรราชภักดิ์ (ตรอง จินตยานนท์) มารดาชื่อ พุก ท่านเป็นลูกชายคนโตมีน้อง 4 คน ตรึกเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนโสมนัสวิหารจนจบประถมต้นและเรียนระดับมัธยมศึกษาจนจบที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร แล้วเข้าศึกษาต่อในสาขารัฐศาสตร์ ที่โรงเรียนข้าราชการพลเรือนที่หอวัง (ต่อมาคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ท่านจบรัฐศาสตร์รุ่นแรกเมื่อ พ.ศ.2457 เมื่อท่านมีอายุได้ 17 ปี นายตรึก จินตยานนท์ ได้เข้ารับราชการในกระทรวงวังในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่ออายุย่าง 18 ปี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเมื่ออายุเพียง 25 ปี เป็นพระยาพานทองที่หนุ่มที่สุดในยุคนั้น ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ทรงแต่งตั้งให้เป็นองคมนตรีเมื่ออายุ 27 ปี ในบรรดาพระยาที่ได้รับพระราชทานที่ดินจากล้นเกล้าฯ ร.6 รุ่นเดียวกับท่าน ซึ่งมีอยู่ 4 ท่านด้วยกัน ต่างสร้างบ้านช่องกันใหญ่โตระดับคฤหาสน์กันทุกท่าน โดยท่านหนึ่งสร้างบ้านด้วยหินอ่อนจากอิตาลี แล้วตั้งชื่อบ้านว่า “บ้านนรสิงห์” ปัจจุบันก็คือทำเนียบไทยคู่ฟ้าเป็นที่ทำการของนายกรัฐมนตรีนั่นแหละ ท่านที่สองสร้างบ้าน “บรรทมสินธุ์” ซึ่งใหญ่โต มีรูปปั้นนารายณ์บรรทมสินธุ์เด่นเป็นสง่า ปัจจุบันคือบ้านพิษณุโลก เคยใช้เป็นบ้านรับรองแขกเมืองของรัฐบาล ต่อมาจะให้เป็นบ้านประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีแต่ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนย้ายไปอยู่จริงๆ จังๆ นัยว่าผีดุ ท่านที่สามก็สร้าง “บ้านมนังคศิลา” ที่ถนนหลานหลวงนี่เอง เมื่อ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก่อตั้งพรรคเสรีมนังคศิลา ก็ได้ใช้บ้านหลังนี้เป็นที่ทำการพรรค ในขณะที่พระยานรรัตนราชมานิตเมื่อได้รับพระราชทานที่ดินแล้วก็ปล่อยที่ให้ว่างอยู่ดังเดิม จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นภาระจะสร้างบ้านให้ โดยทรงใช้ให้สถาปนิกจัดการออกแบบเพื่อจะสร้างบ้านให้ทัดเทียมกับบ้านอีก 3 หลังดังกล่าว เมื่อท่านเจ้าคุณนรฯทราบเรื่องพระมหากรุณาธิคุณ ก็ได้เข้ากราบบังคมทูลคัดค้านพระราชประสงค์อย่างไม่กลัวว่าจะถูกกริ้วว่า “หากทรงสร้างขึ้นตามพระราชดำริแล้ว จะขอถวายคืนทั้งบ้านและที่ดินที่พระราชทานให้” ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 6 ก็ทรงผ่อนตาม ที่ดินผืนนี้ก็ถูกปล่อยให้ว่างเปล่าตราบจนกระทั่งเจ้าคุณนรฯ ถวายเป็นสมบัติของวัด เมื่อท่านอุปสมบทในวันถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยท่านไม่ยอมฟังคำทัดทานของผู้ที่หวังดีที่จะให้เก็บที่ดินผืนนี้ไว้เพื่อเป็นหลักประกันชีวิตในบั้นปลาย ที่ดินผืนนี้คือซอยนรรัตน์ ใกล้กับเขตราชเทวี กทม. นี่เอง ปัจจุบันก็มีราคาเป็นร้อยๆ ล้านแล้วละครับ ท่านเจ้าคุณนรฯ เมื่ออยู่ในเพศบรรพชิตก็อยู่อย่างมักน้อยสันโดษ ในกุฏิจะว่างเปล่ามีเพียงโลงศพเก่าๆ อยู่ 1 โลง และโครงกระดูกคนตายแขวนไว้เพื่อใช้ประกอบการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้ในกุฏิ เมื่อมีคนไปไต่ถาม ท่านก็อธิบายว่า “ธรรมชาติให้มนุษย์เพียงพอแล้วจะวุ่นวายไปทำไม ยิ่งเป็นภิกษุสงฆ์ปฏิบัติอยู่ในธรรมวินัยก็ยิ่งสบายมาก น้ำฝนเป็นน้ำบริสุทธิ์ ดื่มฉันก็เกิดอาบัติน้อย ยิ่งไฟฟ้าด้วยแล้วถือว่าไม่สำคัญเลย เพราะพระอาทิตย์ให้แสงสว่างแก่โลกมนุษย์ตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น เราจะทำอะไรก็รีบๆ ทำเสีย เมื่ออาทิตย์สิ้นแสงแล้ว ก็หมดเวลาที่เราจะทำอย่างอื่น นอกเสียจากทำสมาธิให้จิตใจสงบและเจริญวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น” เจ้าคุณนรฯ ฉันเอกา คือฉันวันละ 1 มื้อ และเป็นอาหารมังสวิรัติ อย่างเดียวกันซ้ำทุกวัน เมื่อแรกบวชท่านก็ออกบิณฑบาต แต่ต่อมาก็งดเนื่องจากเล็งเห็นว่าท่านจะตัดลาภพระองค์อื่น และอาหารมังสวิรัติทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนวุ่นวายในการจัดเตรียมและทางครอบครัวของท่านก็จัดอาหารมาส่งทุกวันอยู่แล้ว นอกจากไม่ออกบิณฑบาตแล้วท่านยังไม่ยอมรับของถวายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อมีคนเอาของมาถวายท่านก็บอกให้เอาไปถวายพระรูปอื่น โดยบอกว่าพระทุกองค์ถือศีล 227 ข้อเหมือนกัน ถวายใครก็ได้บุญเช่นกัน มิหนำซ้ำท่านยังไม่ยอมรับแขกในกุฏิทุกกรณี ใครจะพบหรือสนทนากับท่านก็จะมีโอกาสเฉพาะช่วงที่ท่านออกจากกุฏิไปทำวัตรเช้า-เย็นเท่านั้น บรรดาญาติโยมที่ศรัทธาท่านและเห็นว่าพระอย่างเจ้าคุณนรฯนั้นเป็นเนื้อนาบุญอันไพศาล จึงนำเรื่องที่ท่านไม่ยอมรับของถวายไปฟ้องต่อท่านเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์องค์อุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรฯ นัยว่าญาติโยมกลัวจะไม่ได้บุญอย่างนั้นแหละ คล้ายๆ กับญาติโยมรุ่นสมัยรัชกาลที่ 1 ที่ถวายฎีกาเรื่องที่พระภิกษุไม่ยอมรับสตางค์ที่ญาติโยมถวาย สาเหตุที่พระท่านไม่ยอมรับสตางค์ก็เนื่องจากผิดพระวินัยตามโกสิยวรรคที่ 2 ข้อ 8 และข้อ 9 เจ้าคุณนรฯ ต้องชี้แจงต่อท่านเจ้าอาวาสว่า “การอุปสมบทของท่านครั้งนี้เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 พร้อมกับต้องการที่จะศึกษาหลักธรรม คำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นส่วนตัว เวลานี้ยังไม่รู้แจ้งแตกฉานในธรรมะซึ่งเป็นของละเอียดอ่อน จึงต้องการที่จะใช้เวลาให้มากที่สุดและต้องการความสงบเพื่อศึกษาธรรมะ ถ้ามัวแต่สาละวนคอยรับแขก เรื่องยุ่งๆ ทางโลกอยู่อย่างนี้ ทำให้ไม่มีเวลาศึกษาปฏิบัติธรรม การรับแขกที่นำเรื่องยุ่งเรื่องทุกข์มาเล่าให้ฟัง ไม่ใช่ธุรกิจของสงฆ์” ท่านเจ้าอาวาสเมื่อได้ฟังเหตุผลของเจ้าคุณนรฯ แล้วก็เห็นใจไม่ได้ว่ากระไร เจ้าคุณนรฯเคร่งครัดในการทำวัตรเช้า-เย็น ตลอด 46 พรรษา ท่านขาดทำวัตรเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น โดยคำสั่งขององค์อุปัชฌาย์เนื่องจากท่านถูกสัตว์มีพิษไม่ทราบชนิดทำร้ายท่านที่เท้าจนเท้าบวมโต จนท่านอุปัชฌาย์ต้องสั่งห้ามการมาทำวัตรเพื่อให้อาการเท้าบวมทุเลาลง ท่านเจ้าคุณนรฯเคยบอกกับพระสงฆ์ว่า ถ้าวันใดไม่มาลงโบสถ์ก็คือวันละสังขารของท่าน ในตอนเช้าวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2514 เจ้าคุณนรฯบอกกับเด็กที่นำอาหารไปถวายว่า วันนี้ไม่ฉันและสั่งบอกพระข้างกุฏิว่าวันนี้ไม่ลงโบสถ์ตามธรรมดาเจ้าคุณนรฯพอเข้ากุฏิแล้วก็จะปิดประตูลงกลอนเนื่องจากท่านไม่รับแขกในกุฏิอย่างเคร่งครัด แต่ท่านเคยบอกไว้ว่า “วันที่อาตมาจะลาจากไปเท่านั้นที่จะไม่ลงกลอน” จนกระทั่งเวลา 1 ทุ่มเศษ จึงมีคนเข้าไปหาท่านที่กุฏิ เมื่อผลักประตูเข้าไป ปรากฏว่าไม่ได้ลงกลอน พบว่าท่านมรณภาพไปแล้วห่มจีวรเรียบร้อยในมุ้งหลังเล็กๆ เหมือนกับท่านนอนหลับธรรมดา สันนิษฐานว่าท่านมรณภาพตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |
โอนเงินได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย หมายเลขบัญชี 4032253429 นายอุดร เหลืองวิชชเจริญ พระรายการไหน ที่เเจ้งว่า ให้เช่าบูชาไปแล้ว เเละราคาปรับเป็นเลข 0 ไม่ต้องโอนเงินเข้ามานะครับ หากท่านโอนเงินเข้ามา มีค่าเสียเวลาในการโอนเงิน คืนท่าน ครั้งละ 50 บาท และหากท่านโอนเงินเข้ามา 50 บาท พอดี เราไม่โอนเงินคืนท่าน หากท่านต้องการให้เราโอนเงินคืนท่าน ท่านต้องโอนเงิน ค่าเสียเวลา ชำระเข้ามา 50 บาท ก่อน เราจึงจะดำเนินการโอนคืนเงินให้ท่าน ในกรณีท่านจะใช้สิทธิเรียกร้องในฐานลาภมิควรได้ ให้ศาลแขวงพิษณุโลก อยู่ในเขตอำนาจ
ขอให้ทุกท่าน เข้าใจตามนี้ ครับ